18 ตุลาคม 2555

Lotte World ดินแดนมหัศจรรย์

ที่เกาหลีเนี่ย มีสวนสนุกขึ้นชื่ออยู่ 2 ที่

คือ Everland และ Lotte World

ที่แรกนั้นอยู่เคียงกิโด ไปไม่ยากจากโซล แต่ใช้เวลาหน่อย

แต่ถ้าอยากมาง่ายๆ ก็ขึ้นรถไฟมาที่สถานี Jamsil ทางออก 3 หรือ 4 ก็ได้เลยจ๊ะ

ดินแดนมหัศจรรย์รออยู่ ทุกวัน ไม่มีวันหยุด

* * * * * * * * * * * * * * * * *  * * * * *

มาที่นี่เรียกว่าใช้เวลาหมดไปทั้งวัน ไม่ได้ทำอย่างอื่นเลยทีเดียว

เพราะสถานีนี้มีทุกอย่างของล็อตเต้เลยล่ะ

ทั้ง Lotte World สวนสนุกเอาไว้ให้เล่น

Lotte Mart แหล่งช้อปปิ้งของกินของใช้ ขนาดใหญ่ (แต่ไม่ใหญ่เท่าตรง Seoul Station นะ)

Lotte Hotel เผื่อใครเงินเหลือ อยากมานอนเก๋ๆ

Lotte Duty Free สำหรับซื้อของแบรนด์เนม

Lotte Star Avenue เหมาะมากสำหรับคนรักศิลปินเกาหลีที่ขนกันมาเป็นกองทัพ
เพื่อเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ Lotte Duty Free
ทั้งจางกึนซอก , 2PM , JYJ , Super Junior , มากมายๆ และที่สำคัญ

สุดที่รักขาดใจ Kim Hyun Joong (Muah Muah)


เดินเข้ามาระหว่างทางก็มีร้านค้ามากมายชวนแวะ

ลักษณะเหมือนซอยละลายทรัพย์บ้านเราเพราะ กว่าจะผ่านมาถึงทางเข้าได้.....เกือบจน
















บัตร One Day Pass บัตรเดียว เที่ยวเล่นทั้งวัน ตอนนี้ 40,000 วอนแล้วจ๊ะ
















บรรยากาศสวนสนุก ที่มีทั้งแบบในร่มและกลางแจ้ง มองจากมุมสูงด้วยบอลลูนลอยฟ้า



































ในร่มนี่ก็มีเครื่องเล่นมันส์ๆมากมาย

แต่กลางแจ้งหรือ Magic Island ก็มีเครื่องเล่นหวาดเสียวเยอะแยะ นี่ ขอแนะนำอันนี้

Atlantis Advanture หรือ ชื่อไทยตั้งเองว่า "ดิ่งนรก" เสียวมาก สนุกสุดๆ รักเลยอ่ะ














เครื่องเล่นบางอย่างของที่นี่มีระบบ Magic Pass ด้วยนะ (ใช้ได้สำหรับบัตร One Day Pass)

คือเอาบัตรวันเดียวเนี่ยไปแลกบัตรวิเศษหน้าเครื่องที่ต้องการเล่น มันจะล็อกคิวให้

แล้วแจ้งว่าให้กลับมาเล่นได้ตอนกี่โมง ไม่ต้องรอคิวนานๆ

Wow....Magic Pass จริงๆ

อย่างดิ่งนรก......ไวกิ้ง......หรือท่องแดนอลาดินก็ใช้ได้

อ้อ ที่นี่มีลานสเก็ตน้ำแข็ง Ice Rink ขนาดใหญ่ด้วย

และขบวนพาเหรดยาวเหยียดตอน 3 โมง และ 1 ทุ่ม

แล้วก็มี Garden Stage ที่จะมีโชว์เต้นสนุกๆ แทบทุกสองชั่วโมง

วันนั้นเจอโชว์คังนัมสไตล์ แหม เต้นกันมันส์น่าดู

 
มีสาวๆวงโยธวาทิต เป่าไปเต้นไป น่ารักมากเลย อันนี้ก็ชอบ
















บริเวณ Meeting Place ก็จะมี Tram Car น่ารักๆ มาเชื้อเชิญนักท่องเที่ยวให้เต้นตามเป็นระยะ
















แล้วก็มีชอบป้ายอันนี้มากเลยล่ะ โด๊นน....โดน




















อยู่นี่จนเหนื่อย เดินแทบไม่ไหว สนุกมากๆ เป็นสวนสนุกในร่มที่ไม่น่าเชื่อว่าจะกว้างแบบนี้

มีถึง 4 ชั้นด้วยกัน และบรรยากาศดี เปิดเพลงร่าเริง ชวนให้เราสนุกอยู่ตลอดเวลา

กิจกรรมหรือโชว์ก็มีตลอดไม่ทิ้งระยะ ไม่ปล่อยให้เบื่อเลย

แนะนำให้ไป  >///<
















เข้าไปแล้ว อย่าลืมหยิบนะจ๊ะ ตรงบริเวณ Information

จะได้ดูง่ายๆว่าเครื่องเล่นอยู่ไหน หรือมีโชว์เวลาไหน บริเวณไหนบ้างในแต่ละวัน

สาวๆประชาสัมพันธ์ก็น่ารัก พูดอังกฤษได้ดีเยี่ยม บอกทางให้แล้วจะโบกมือส่งอย่างร่าเริง

แหม...... ที่นี่นี่ "สวนสนุก" จริงๆเลยล่ะ (^o^)

Review : Phil House

ที่พักครั้งนี้เป็นห้องเล็กๆ น่ารัก สะอาดสะอ้านดูดีที่ สาย 5 สีม่วง สถานี Achasan ทางออก 10

ไกลมากกกกกกกก (ฮ่า)

แบบว่าถ้ากางแผนที่รถใต้ดินดู สนามบินอยู่ซ้ายมือของแผนที่ แต่บ้านเราอยู่ขวามือทีเดียว

กว่าจะไปมาใช้เวลาถึงสองชั่วโมง คุณพระ!!

รู้จักที่นี่เพราะลองเสิร์ชหาดู เห็นทีว่าดูดีเลยลองจองดู เปลี่ยนที่นอนบ้าง

เงยหน้าจากทางออกมา เจอซอยขวามือข้างหน้าพอดี เดินเลี้ยวเข้าไปนิดหน่อยก็เจอ

Family Mart ตั้งชัดๆ

Phil House อยู่ตรงนี้เลยจ๊ะ
















บันไดทางขึ้นนี่เป็นไม้เบาๆ เดินดังกุกกักให้อารมณ์ดีเหมือนกัน น่ารักดี ชอบ




















มีมุมนั่งเล่น




















ก่อนเลี้ยวไปเช็คอิน




















เรามาถึงเที่ยง แต่หนุ่มหน้ามึนคนดูแลบอกว่าเราจะเช็คอินได้เมื่อบ่ายสองเท่านั้น

ทั้งที่ห้องก็ว่างเนี่ยนะ??

อะไรจะตรงเวลาขนาดนั้น??

นี่ถ้าเรามาไฟล์ทปกติที่ลงอินชอนตอนหกโมง เราคงแย่กว่านี้

แต่ครั้งนี้เราลงสนามบินก็เก้าโมงกว่าเข้าไปแล้ว

บวกเวลาเดินทางมาถึงนี่อีก 2 ชั่วโมง ..... ก็ยังไม่ได้เข้า

ต้องรอเวลา ก็เลยฝากกระเป๋าไว้แล้วไปเดินหามื้อกลางวันทาน

รอเวลามาเช็คอิน

บ่ายสอง.......2PM หนุ่มมึนก็พาเราไปส่งห้องพร้อมถามว่ารู้จักนิกคุนไหม

คนเกาหลีนี่ฮา เจอคนไทยไม่ได้เป็นต้องถามรู้จักไหม

โดนถามบ่อยมาก เลยตอบว่า "อืม รู้จักซิ น้องคุณ"

หนุ่มมึนดูมึนกว่าเดิม อิอิ

คนไทยเรียกน้องคุณ ไม่ก็นิชคุณ

มีแต่ต่างชาติเท่านั้นแหละที่เรียกนิกคุน หรือ คุนนี่อ่ะ

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

เราจองห้อง Twin ไป แต่ไม่รู้ทำไมอัพเกรดให้เรานอนห้อง Triple ก็โอเค

กุญแจที่นี่น่ารัก เป็นปุ่มๆ ที่พอทาบลงรูไป ประตูจะเปิด ผ่างงง.....

 















มาเจออันนี้จ้า

ซ้ายมือเป็นครัวเล็กๆ ตู้เย็น ทีวี ไล่ไปถึงตู้เสื้อผ้า

(ครัวมีไว้เก๋ๆ ใช้ไม่ได้ เพราะดูพ่อหนุ่มหน้ามึนรณรงค์ให้ไปนั่ง community room ตลอดเวลานะ

แต่ก็อกน้ำใช้ได้ แรงดี ตู้เย็นก็เย็นเจี๊ยบบบบบ ได้ใจ)

















ขวามือเป็นเตียงคู่ และสุดห้องเป็นเตียงเดี่ยว
















พื้นห้องเป็นไม้ ดูสะอาดตา น่านอน (กับพื้น)

ในห้องน้ำ ไม่มีอุปกรณ์อะไรให้
(แม้แต่พรมเช็ดเท้า ให้ตายเหอะ อาบน้ำออกมา เปียกทั้งห้อง เพราะไม่รู้จะเช็ดกับอะไร)
ทุกอย่างต้องขนไปเอง ส่วนที่เป็นฝักบัวกั้นเอาไว้ แคบมากจนขยับตัวลำบาก




















แต่ถ้าไม่อะไรมากนัก ที่นี่ก็อยู่สบายดี ^_______^

แค่มันไกลจากแหล่งท่องเที่ยวเองเท่านั้นเองล่ะนะ

ถามว่ามี wifi ให้ไหม มีจ้า รหัสอยู่ที่ community room ใช้ได้ดี แต่พอขึ้นห้องปุ๊บ สัญญาณหาย

ฮ่วยยยย......งกแท้

Jaksal Chicken Seokchon Branch

ร้านไก่นักเลงของคิมฮยอนจุงสาขานี้มาบ่อยที่สุด เพราะเป็นสาขาแรกที่เปิด เรียกว่าต้นตำรับ

มาเกาหลีครั้งไหน ไม่มาที่นี่เหมือนไม่ถึงโซล

เมื่อก่อนนั้นตัวแบนเนอร์ของร้านจะเป็นรูปไก่ถือส้อม หน้าตาทมึงถึง ชวนตี

 

พอขยายสาขา พ่อคุณคนดี ก็เปลี่ยนเป็นสีชมพูหวานแหววซะงั้น ไม่รู้อะไรนิมิต

ลืมถ่ายรูปใหม่มา 555

การมาสาขานี้ ไม่ยาก นั่งสาย 8 สีชมพู มาลงสถานี Seokchon ทางออก 7

เดินขึ้นมาก็เดินตรงมาเรื่อยๆ พอเจอ 4 แยกก็เลี้ยวขวา กวาดตามอง 2-3 ที ก็เห็นร้านไก่ตั้งอยู่

- - - - - - - - - - - - - -

ร้านเล็กๆน่ารักที่บ่งบอกความเป็นเจ้าของได้น้อยที่สุด

ไม่ค่อยมีอะไรบ่งบอกว่าจุงเป็นหุ้นส่วน (สมัยก่อน) แต่เดี๋ยวนี้แค่แบนเนอร์หน้าร้านก็ชัดพอ

สาขานี้ดูแลด้วยสองซี้ คิมอินยอง และ อิมจุนฮยอน

ซึ่งรายหลังนี้ ทรมานหัวใจลูกค้าเป็นว่าเล่น ค่าที่เธอช่างจำนรรจาและเอาใจลูกค้าเก่งที่หนึ่ง

ใครไปไม่หลงเพื่อนอ้วนคนนี้ให้รู้ไป

จุนฮยอนพูดภาษาอังกฤษเก่ง (แบบที่ควรแบ่งปันจุงบ้างนะ) ก็เลยทำหน้าที่ต้อนรับแขกได้ดี

ซ้ำยังมีการบริการที่ให้ความสนิทสนมลูกค้าเป็นว่าเล่น

เช่น ทักทายด้วยการผงกหัวให้

หรือถ้าลูกค้าแน่นร้านมากๆวันใด จุนฮยอนก็จะเอาเท้าสไลด์เก้าอี้มาให้เราได้ตะครุบ และเชิญตัวเองนั่งรอคิว

เห็นไหม....กันเองมาก(เกินไป)จริงๆ

เครันมารี ไข่ม้วนใส่ชีส ฝีมืออินยอง

07 ตุลาคม 2555

Review T'Way Air

27 - 30 กันยายน 2555 ที่ผ่านมา ได้มีลองใช้บริการสายการบิน low cost เจ้าใหม่ของเกาหลี
ที่มีชื่อว่า T'Way Air มาล่ะ

ราคาไม่แพง น่าสนใจที่ 12,500 บาท รวมทุกอย่าง

แต่มีเงื่อนไขว่าถ้าต้องการจ่ายบัตรเครดิต ก็ต้องไปรูดที่บริษัทเลย
คือ ตึกแปซิฟิคเพลส 2 แถวสถานีรถไฟฟ้านานานะจ๊ะ

และจะชาร์จเพิ่มอีก 3% ตามธรรมเนียม

เวลาเดินทางคือ

BKK-ICN    TW102    01.25-08.35
ICN- BKK   TW101    20.15-00.10

ซึ่งถือว่าเป็นเวลาที่คนไทยชอบเดินทาง เพราะไปถึงโน่นเช้า ได้เที่ยวเต็มวัน
ในขณะที่ขากลับก็ได้กลับเย็นๆด้วย สบายดี เที่ยวได้อีกทั้งวัน 555

ส่วนเรื่องกระเป๋าก็ตามมาตรฐานทั่วไป 20 กก. โหลด และ 7 กก. สำหรับ carry on

ขาไปส่วนใหญ่ไม่ค่อยเกิน จะเกินเสมอยามกลับ ฮ่าาาาาาา
















ที่นั่งด้านในเป็นแบบ 3-3 ตามประสาเครื่อง B737-800

ออกจะเล็กไปสักหน่อย แต่พอนั่งได้ไม่ถึงกับหงุดหงิดเท่าอีกสายการบิน แหะแหะ


















มื้อเช้าเสิร์ฟด้วยครัวซองต์ทูน่าแฮม รสชาติพอใช้ได้ แต่ไม่อิ่ม (จะเอาอะไรนักหนาล่ะเนอะ)
















ตอนเครื่องขึ้นนี่เสียงดังน่ากลัวมาก ลั่นเคบินจนต้องภาวนา ลูกช้างจะรอดไหม

โดยรวมแล้วการบริการก็ดีนะ แอร์เอาใจใส่ดี ยิ้มแย้ม น่ารัก

เสียอย่างมากคือภาษาอังกฤษในการสื่อสาร ขาไปนี่กัปตันพูดเบามากกกก

และด้วยวันที่เดินทางนั้นฝนตก ทัศนวิสัยแปรปรวน พอต้องรับฟังคำแนะนำจากแอร์.....

ฟังไม่รู้เรื่องอ่ะ

เดินทางไปเกาหลีมาก็มาก ประสบปัญหาการสื่อสารบนเครื่องบินก็คราวนี้

แอร์ใช้ภาษาพูด แบบภาษาพูดจริงๆ ห้วนๆ
ดูให้ความสนิทสนมแต่รัว และเว้นวรรคแปลกๆ จนฟังแล้วมึน

ขากลับก็ไม่แพ้กัน

กว่าจะจับใจความได้คือประโยคสุดท้าย T'Way, It's yours.




















ขอ Water ไป ได้ Orenge juice มา พอเราบอกว่าขอน้ำเปล่าอีกที
แอร์จากยิ้มๆก็หน้าหงิก เอ๊ะ ยังไง

เครื่องจะลงที่ด้านนอกของอินชอนสักหน่อย
(เหมือนสายการบิน low cost เจ้าอื่นๆแหละ)
เวลาลงเครื่องก็จะต้องนั่งรถไฟเข้าไปที่ ตม. และ baggage claim
เสียเวลาอีกนิด ไม่มาก รถไฟมาบ่อยๆ สะดวกมากอยู่

ขากลับก็นั่งรถไฟออกมาที่เกตอีกหน่อยเหมือนกัน

อาหารขากลับเป็นข้าวและผัดไก่ตามนี้ รสชาติไม่ค่อยถูกปากเท่าไร
















แต่ขากลับเนื่องจากไม่อยากนอน เลยนั่งอ่านหนังสือมาตลอดทาง
แอร์ก็น่ารัก ผลัดกันมาถามว่าดื่มน้ำไหม รับอะไรเพิ่มหรือป่าว

ทำให้การอ่านหนังสือของเราไม่กระหาย แต่อ่านไม่รู้เรื่อง (ถามบ่อยมาก) 555

สรุป.....ถ้าไม่ค่อยสนใจเรื่องอาหารบนเครื่องเท่าไรก็นั่งได้เลยสายการบินนี้
เพราะเวลาดี ราคาดี อาหารมันก็กุ๊กกิ๊กเบาๆตามราคาตั๋วแหละ

แอร์ก็น่ารักเป็นระยะ ฮ่าๆๆๆๆๆ

02 ตุลาคม 2555

ไดอารี่อิ่มเอม 28-09-12 : ตอน....ไปเมาเหล้ากับคยูจง

21.30 น. เวลาโซล

วันนี้มากินไก่นักเลง (อีกแล้ว) ที่สาขาเพื่อนอ้วน ...... อากาศวันนี้ 16 องศา เย็นกำลังดี ติดหนาวนิดๆ
ร้านวันนี้คนเต็มทุกโต๊ะ แต่ก็ยังอุตส่าห์ว่างตัวหนึ่งให้เราสองเพื่อนซี้ได้หย่อนตัวลง
เมนูวันนี้คือ Jaksal Mild Chicken และ เครันมารี ...... ที่เพื่อนผู้มารับออเดอร์ถามว่าใส่ชีสไหม
อืมมมมมม จะลองสักทีก็ดีนะ จัดมา ไข่ม้วนใส่ชีส
และน้ำเปล่าจ๊ะ เพราะ ไม่หาญกล้ากินโซจู ส่วนน้ำพีชหอมๆที่แม่ของจุงแนะนำมาก็ไม่มีด้วย
จริงๆเพื่อนอยากกินไข่ตุ๋น แต่สาขานี้ก็ไม่มี
สรุป สาขาแม่มีไข่ตุ๋นและน้ำพีช
สาขาเพื่อนอ้วนมีไข่ม้วนและไม่มีน้ำพีช 555

อาหารมา เราจ้วงกันอย่างรวดเร็ว หิวมาก และเหนื่อยจากการใช้พลังที่ล็อตเต้เวิล์ดมาทั้งวันด้วย
กินไป คุยไป ราวๆ 4 ทุ่ม เพื่อนก็กระซิบ “แกๆ คนข้างหลังแก เหมือนคยูจงเลยอ่ะ”
เราหันกลับไปมอง ผู้ชายที่นั่งด้านหลัง เค้าใส่เสื้อคลุมสีเขียวขี้ม้าและสวมหมวก และหันหน้ามาพอดี
มองไปเต็มหน้าจังๆ
หันกลับมาหาเพื่อน .......”ใช่เหรอ” ...... จำไม่ได้ค่ะ 55555555555555555555555555

ปกติก็จำหน้าคยูได้นะ แต่แบบว่าผมสั้น ใส่หมวก แก้มยุ้ย ใครอ่ะ ไม่คุ้น
เราเป็น Henecia ไม่ใช่ thanKyu จึงไม่สามารถแยกแยะได้ภายใน 1 วินาที
(ถ้าเป็นพ่อคนนั้น แค่เสี้ยววินาทีก็รู้แล้วล่ะ....เว่อร์)

เพื่อนเริ่มลังเล มันไม่ไว้ใจสายตาตัวเองเท่าความทรงจำสะเปะสะปะของเรา
แต่มันยังย้ำ “ใช่แหละแก”
เราก็ทำหน้ามึนๆใส่กลับไป ทันใดนั้น ออนนี่โต๊ะข้างๆก็กระเถิบมานั่งด้วยทันที เฮ้ยยย ไวไป
แล้วบอกว่า “คยูจงอิดะ ทวิตเตอร์ อันเด” แปลได้ว่า ใช่คยูจง แต่ห้ามทวิตนะ ห้ามบอกใคร เราก็ อ๋อออ ค่ะ
แล้วออนนี่ก็พูดอะไรเยอะแยะ ที่เรานั่งกระพริบตาฟัง และตอบไปในที่สุดว่า I don’t understand

งง
ออนนี่มีมึนงงไปชั่วขณะจิต แล้วตัดสินใจถามว่า นิฮงโกะ วะ ไดโจวบุ?
เสร็จโจร เรา ไฮ กลับไป แล้วหลังจากนั้นก็คุยกับออนนี่เป็นภาษาญี่ปุ่นตลอดเลย 555555
เป็นบุญ ที่พูดภาษาญี่ปุ่นได้ทั้งคู่ ไม่งั้นจบเห่ตรงนั้นแหละนะ

ออนนี่บอกว่า ห้ามทวิต หรือ ห้ามบอกใครในโซลตอนนี้เลยว่าคยูอยู่ที่นี่ตอนนี้
ไม่งั้นคนจะแห่กันมา เราก็พยักหน้ารับ
แต่มือหยิบมือถือขึ้นมา ออนนี่รีบถาม จะทำอะไร “จะบอกพี่ที่เมืองไทยอ่ะ ได้ป่าว”
ออนนี่พยักหน้ารับว่าได้ อะเคร ส่งสารบอกพี่สาวเมนคยู ว่าใครเก๊าะไม่รู้ อยู่ร้านไก่ตอนนี้
พี่กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด ยาวๆกลับมา อยากหายตัวมา ณ บัดนาว
แล้วความโกลาหลก็เกิดขึ้นใน Line ...... -_____-“

คยูจงมากะใครไม่รู้ ผู้ชายใส่แว่น
นั่งๆไป สักพักมีคนโทรมาคยูก็เดินออกไป หายไปพักใหญ่
เราซึ่งตกลงใจว่าจะนั่งเฝ้าเมนให้พี่สาวเลยถามหาโซจูมากินแก้หนาว
แล้วตามด้วยอาการหันรีหันขวาง อยากเข้าห้องน้ำ
อากาศเย็น ใส่กางเกงขาสั้นมา ขนลุกเกรียวทีเดียวนะ
ลุกเดินมาหน้าร้าน คยูจงกลับมาพอดี กับเมเนเจอร์และผู้หญิง 1 คน ย้ำ ใครไม่รู้หรอกนะ
สวนกันหน้าร้าน โดยมิได้ตั้งใจแต่สบตาพอดี คยูจงส่งยิ้มให้

.............ไม่ใช่เมน แต่มีชะงักอ่ะคุณ ปัดโธ่ ยิ้มมาซะน่ารัก พ่อคนมารยาทดี...............
กลับมาอีกที โต๊ะคยูเต็มไปด้วยคน 4 คน โซจูไม่ระบุจำนวนขวด ไก่ 1 จาน หม้อไฟ 1 หม้อ
นั่งกันไป นั่งกันยาวไป

 

อิฉันเริ่มมึนโซจู เริ่มหัวเราะเรื่อยๆ หนาว อยากกลับบ้าน กลับไม่ได้ นั่งเฝ้าเมนพี่สาว
ออนนี่โต๊ะข้างๆถามว่าไหวไหม หน้าแดงแล้ว ตอบไปชัดเจน “ไม่ไหวค่ะ ง่วง” 5555
เที่ยงคืนครึ่งเข้าไปแล้ว เพื่อนอ้วนเดินมาส่งบิลให้ บอกว่าร้านใกล้ปิดแล้ว จ่ายไป จ่ายไป
แต่ไอดอลมักไม่มีเงินสด งานนี้หมีคยูควักบัตรขึ้นมารูด
ว้ายยย หน้าตาดีไม่มีเงินสดอีกคนล่ะ
จำได้ว่าตอนบังเอิญไปเจอจุงเดินช้อปปิ้งที่ไอปาร์คคราวนั้น
พ่อเจ้าประคุณก็รูดบัตร แม้กระทั่งกับแผ่นโปรแกรมราคาไม่กี่พันวอน 555

(คิดถึงจุงจังเลยอ่ะ)

จ่ายเงินแล้ว ก็หามีใครลุกออกจากร้านไม่
ตีหนึ่ง เพื่อนอ้วนก็เดินมายืนทำหน้าสุขุมข้างโต๊ะ
พอเราเงยหน้ามึนๆมองเพื่อนก็บอกว่า “Sorry, ByeBye
แล้วทำหน้าแป้นแล้นส่งมาให้ ชะ!! เป็นการไล่แบบสุภาพ และห้วนสั้นที่สุด
เราไปก็ได้ ออนนี่และเพื่อนๆก็ลุกเหมือนกัน
มีไม่ลุกอยู่โต๊ะเดียว แต่เขาเป็นใครล่ะ เขานั่งได้ เราไปห้องน้ำกันเหอะ
ออกจากห้องน้ำมาอีกที มองตรงไปข้างหน้า
เอ๊ะ คุ้นๆ ก้าวตามไป กระซิบตามหลังเหมือนทำพิธี
คยูจงชีๆ ขอถ่ายรูปหน่อย คยูจงชีๆ ขอถ่ายรูปหน่อย
คยูและอีก 3 หน่อ เดินหัวเราะไปตามทาง มีเราเดินตามมาเรื่อยๆ ไม่กล้าเรียก
แล้วคยูจงก็หยุดเดิน เอ๊ะ พิธีเราได้ผลหรอ??

ป่าวเลย มีคนเรียกไว้
เป็นแฟนคลับอีกสองคนที่มาที่ร้านเหมือนกัน เขามาขอลายเซ็น
เราสองคนรีบปรี่เข้าไปเนียนด้วยทันที
คยูน่ารักตรงไหน?
ตรงที่สองสาวเกาหลีนั้น โทรหาเพื่อนแล้วยื่นให้คยูคุยด้วย คยูก็คุย
อ๊ากกกกกก อยากกดโทรศัพท์หาพี่บ้าง อยากๆๆๆ
แต่พี่คงคุยไม่รู้เรื่องเนอะ
คยูจงเอามือประคองโทรศัพท์ตลอดเวลา มารยาทดีเหลือเกินคนนี้




















แล้วออนนี่ก็ตามมาเห็นเราพอดี ถามว่าจะทำอะไร
เราเลยบอกว่าอยากถ่ายรูปไปฝากพี่สาว
ออนนี่ก็ใจดี หันไปบอกว่า คยูจงชี แทกุกแพน ...... ตึง!!!

(คือตอนอยู่ในร้านอ่ะ คยูมองมาเป็นระยะ เราก็พยายามพูดญี่ปุ่นไง
ให้เข้าใจไปซะว่าเป็นคนญี่ปุ่น - - แม้หน้าไม่ให้ - - เพราะน่าจะสื่อสารง่ายกว่า
และแถมบางที ว่ากันตามตรงแล้ว พอเป็นแฟนญี่ปุ่น มักจะได้รับอภิสิทธิ์กว่า จริงไหมล่ะ)
ขนาดเพื่อนจุง ยังคิดว่าเราเป็นคนญี่ปุ่นเลย ก่อนออกจากร้านก็มาลาเราเป็นภาษาญี่ปุ่น
ความมาแตกตอนออนนี่บอก แทกุกแพน 555555555
คยูจงถามว่าเอาลายเซ็นไหม ...... ไม่เอา
ถ่ายรูปคู่เหรอ ........ ไม่เอา
คยูเกิดอาการมึน สองคนนี้จะอะไรยังไงแน่ หยิ่งแท้ 5555555
คือเราแค่อยากได้รูปเดี่ยวสวยๆสักใบให้พี่สาวน่ะ

เราไม่ใช่เมนคยูจง เพื่อนเราก็สาวกยองแซง สองคนเลยไม่รู้จะถ่ายรูปคู่กับพี่หมีคนดีไปทำไม ถ่ายไปก็ไม่ฟิน
กำลังหยิ่งได้ที่ เมเนเจอร์ก็เข้ามาแก้สถานการณ์ด้วยการคว้าไอโฟนไปจากมือ
อ๊ะๆๆๆ เอาไปไหน
แล้วบอกว่าถ้าจะถ่ายก็ถ่ายทั้งสามคน เข้าไปในเฟรมให้หมดนั่นแหละ
แหง่ะ........บังคับอ่ะ
คยูจงขยับจะถอดหมวก พี่เจ้อบอกไม่ต้อง คยูจงเอื้อมมือมาสองข้างจะโอบ พี่เจ้อบอกยืนนิ่งๆ
เฮ้ยเว้ย!!! พี่เจ้อเรื่องเยอะนะ
สุดท้าย ก็ได้แต่ยิ้มมุมปากกันไป แล้วออกมาแชะหนึ่ง

รูปออกมา สองคนดูหยิ่งมากจริงๆ 55555555555555555555555555555555555
ในขณะที่คยูจงมองไปที่เคสไอโฟนตาแป๋ว ....... ท่านอุซุชินตัวเบ้อเริ่ม
ได้แต่ส่งสายตาขอโทษไป
เค้ามาถ่ายกะตัวเอง แต่เค้ารักพี่ชายตัวเองอ่ะ ตัวเองเข้าใจเค้าใช่ป่ะคยู
พึมพำ “ขอบคุณค่ะ” ไป ..... หมดอารมณ์แอ๊บเป็นสาวปุ่น แถมลืมพูดเกาหลีอีก
แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือ คยูจงพนมมือนิดๆว่าขอบคุณเช่นกัน

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด น่ารักเว่อร์ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ถึงตอนนี้สติมา หันไปโบกมือหยอยๆให้แล้วพูดเสียงดังฟังชัดว่า “ชัลจาโย”
หมีคยูยิ้มส่งมาอีกที แล้วโบกมือกลับมาให้
แอ๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก น่ารักเน้อออออ
หลังจากนั้นก็เดินไปขึ้นแท็กซี่กลับบ้าน ในขณะที่คยูจงและอีก 3 หน่อเดินข้ามสะพานลอยไป
จบ

ตื่นเช้ามา ปวดหัวมาก แฮงค์แล้วก็เจ็บใจด้วย ..... ผู้ชายตรู อยู่ไหนฟะ???


01 ตุลาคม 2555

Jaksal Chicken ilsan Branch


สาขานี้ขายดีทุกวี่วัน เพราะย่านนี้เป็นแหล่งใหญ่ มีร้านอาหาร แหล่งช้อปปิ้ง บริษัทมากมาย
และอยู่ใกล้กับ MBC Dream Center สถานที่สาวกเคป๊อบต้องไม่พลาดถ้ามาดูอัดรายการ Music Core
และที่สำคัญ เป็นร้านที่คุณแม่ของคิมฮยอนจุงดูแลเอง
สาวๆจึงมาสาขานี้หัวบันไดไม่แห้ง (ถ้าจะมีบันไดอ่ะนะ)


มาที่นี่ 2 ครั้ง จำเส้นทางรางเลือนเหลือใจ
ครั้งแรกมาตอนจุง comeback break down ที่มิวคอร์นั่นแหละ แต่ตอนนั้นร้านไก่ยังไม่เปิด
จำได้ว่าหลับตาเดิน น้องจูงไป ตัดผ่านสวนสาธารณะที่ซึงโจมารับฮานิกลับบ้าน......เลยจำทางไม่แม่น
ครั้งต่อมา มากินไก่ที่เปิดแล้ว หลังงาน Kim Hyun Joong Fan Meeting in Seoul ก็นั่งแท็กซี่มา
ไกลจนนึกว่าโดนลวงมาโยนทิ้งที่ชายแดน 555

ครั้งนี้ ครั้งที่ 3 จึงขอทำแผนที่ให้ตัวเองหน่อยเถอะ
เรานั่งสาย 3 สีส้มมานานมากๆ ลงเกือบสุดสายที่สถานี Jeongbalsan ทางออก 1



ออกมา เงยหน้าจะเจอป้ายแบบนี้ บอกว่า MBC อยู่ขวามือของเรา ก็เลี้ยวเลย

เดินตามทางสวนสาธารณะไปเรื่อยๆ ครึ้มใจดี มองไปเห็น ร้าน GUGUS เมื่อไรก็เลี้ยวเข้าตรอกนั่นไปเลย
 
พอขวามือเราเป็นร้าน GAGUS แล้ว เราก็เดินตรงไปเรื่อยๆ ไปเรื่อยๆ จนเจอสี่แยกใหญ่
ข้ามแยกไปเจอ Paris Baguette แน่นอน ซึ่งก็อยู่ฝั่งขวามือเรานั่นแหละนะ

เราก็เดินตรงไปอีกหน่อย ไม่ไกลมาก ร้านไก่สาขาโอมอนีก็ตั้งอยู่เห็นชัดเจน

มาครั้งนี้ เดินทางง่ายกว่าสองครั้งแรกแหะ 555

ที่ร้านวันนี้ลูกค้าไม่เยอะมาก อาจเพราะเรามาแต่หัววัน ( 5 โมงเย็น )
ถึงอย่างนั้น ร้านก็เพิ่มที่นั่งขึ้นเยอะ ไปทั้งด้านข้าง และทางเดินเท้าที่มีเก้าอี้วางอยุ่
บ่งบอกว่าสาขานี้ป๊อบจริงอะไรจริง วันนี้คุณแม่ของคิมฮยอนจุงมารับออเดอร์เอง
เล่นเอาคนอยากเป็นสะใภ้ตะกุกตะกักสั่งอาหารไม่ถูก
แม่พูดเกาหลี เราตอบเป็นอังกฤษปนเกาหลี มั่วไปหมด
แม่บอกอะไรอร่อย เราก็สั่งไปเรื่อยเปื่อย เคลิ้มแม่ 55555555555
คนอะไร หน้าเหมือนลูกชาย สบตาที เราก็หน้าแดง สั่งไปซะทุกอย่าง

(แม่เข้าใจลวงลูกค้าอ่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆ)

แต่ที่เด็ดสุด เราสั่งโค้กไป แม่บอกอย่ากินเลย กินน้ำพีชดีกว่า อร่อยมาก แม่แนะนำ
ตามประสาคนอยากเป็นสะใภ้ที่ดี แม่(ว่าที่)สามีพูดอะไรต้องเชื่อฟัง ก็สั่งมา

แต่ขอบอกว่า “กล่องนี้เริ่ดมาก” จริงๆ แม่บอกว่าแช่เย็นๆ กินกับน้ำแข็ง มันจะเยี่ยมที่สุด

มันอร่อยมาก หอมกลิ่นพีช

ติดใจกันไป

หลังจากนี้อยู่เกาหลีวันใด ก็ตามหาเจ้ากล่องนี้ทุกวี่วัน