04 มีนาคม 2556

ก้าวที่ 4.5 เปะปะอินโซล


วันต่อมาพาน้องๆไปเดินเที่ยวนัมแดมุนกัน.......


เดินขึ้นไปเจอกับแผงอาจุมม่า กำลังรั้้งๆรอๆจะไปทางไหนก่อน
หญิงศรีก็นั่งลงบนขั้นบันไดของสถานีรถไฟใต้ดิน มองดูนางว่าทำอะไร
นางกำลังใช้ภาษามือสื่อสารกับอาจุมม่าขอซื้อถุงเท้า นางทำได้
โดยไม่พูดอะไรกันเลยสักคำ ได้ของมาในราคาลดราคาด้วย
นางสุดยอดจนเราอึ้ง กดไลค์ให้ไม่ทัน

อึ้งปนขำกันไปแล้ว เราก็เริ่มออกเดินทางไปตามเส้นทางวุ่นวาย
ที่คราคร่ำไปด้วยฝูงชนและสินค้ามากมายวางขาย
- - ใช่แล้ว แอ๊ปอยากได้ของที่ระลึกไปฝากคนที่เมืองไทย
แผงแรกที่เราเห็นและอดแวะไม่ได้คือสินค้าที่ระลึกของเกาหลี
มีให้เลือกละลานตามากมาย ทั้งตะเกียบ ชามข้าว ที่ห้อยโทรศัพท์
พวงกุญแจ ตุ๊กตาใส่ชุดฮันบก นานาประการ

สนุกสนานกับการต่อรองราคา หาของถูกใจเสร็จเราก็เดินต่อ
- - อย่างหนึ่งที่อดซื้อไม่ได้คือสาหร่ายนั่นเอง
ขายหลายร้านและราคาปาดกันไปมา เดินตามชิม ตามเช็คราคาจนเหนื่อย
กว่าเเอ๊ปจะเจอเจ้าโดนใจจนซื้อมา (และย้อนไปซื้ออีก 555)
ซึ่งพ่อค้าหน้ามน โฆษณาสาหร่ายร้านตัวซะเราเคลิ้ม

- - ส่วนเรานั้น ระหว่างทางเดิน สายตาพลันไปแลเห็นเสื้อหนังสีดำลายหัวกระโหลกตัวหนึ่ง
มันโดนมากกกกกกก สนนราคา 38,000 วอน แพงเหลือใจ
(ก็ไม่แพงมากมาย แต่อยากได้ถูกกว่านี้ได้ไหม)
ต่อรองไปนาน คุณลุงคนขายก็ไม่ลดให้ ได้แต่เดินคอตก ตัดใจ และก้าวต่อไปในตลาด

เจอร้านขายเครื่องครัว หม้อทองเหลืองน่าซื้อไปต้มรามยอนจริงเชียว
สักพักเจอร้านเครื่องสำอางค์ เดินไปอีกเจอร้านเสื้อผ้าเด็ก
เดินอีกเจอร้านขายเครื่องเขียน ที่นี่ขายทุกสิ่งอย่างจริงๆนะ
สนุกและเพลินดีเหมือนกัน ใช้เวลาราวๆ 3 ชั่วโมง เราก็เตรียมหันหัวเรือกลับ

ขากลับวัดใจมากเพราะต้องผ่านร้านเสื้อหัวกระโหลกอีก งานนี้ ตัดสินใจ
เอาวะ มันโดนใจมากๆ ขอซื้อเถอะนะ แต่ครั้งนี้คนขายเปลี่ยนเลยลองต่อราคาอีกที
อ้อนแทบตาย นี่เป็นครั้งแรกที่พูดเกาหลีเอาตาย
ลุงก็ดูขี้เล่น ถามเราไปเรื่อยๆว่าเรียนภาษามาจากไหน พูดเก่งนี่
ลุงดูชอบที่เราพูดภาษาบ้านเขาเลยยอมลดราคาให้
พอลุงคนเดิมกลับมารู้ก็หน้าหงิก โวยวายว่าลดทำไม แบร่ๆ ไม่ทันละลุง
ลุงคนนี้ลดให้แล้ว แต่ก่อนตัดสินใจแลกเปลี่ยนเสื้อเป็นเงินวอน
ลุงหรี่ตามองแล้วถามว่า "นอยา, นัมจาชินกูยา"
เราก็หัวเราะออกมา แล้วตอบว่า "ชอโยๆๆๆๆๆ"

แหม เสื้อตัวสักกะปิ๊ดเดียว ผู้ชายหนูแขนล่ำ ใส่ไม่ได้หรอกลุง
ลุงพยักหน้ายิ้มๆแล้วดึงเสื้อมาใส่ถุงให้ ยิปปี้ ได้แล้ววววววว
“อาจาชือ ซารังเฮโย”






- - ร่าเริง เริงร่าได้ของมาเราก็ชวนกันเดินทางออกจากที่นี่
โดยไปทิ้งทวนที่ร้านขายซาลาเปา เคยดูรายการท่องเที่ยว พามาที่นี่
และบอกว่าซาลาเปาเจ้านี้ อร่อยมากกกกก ใครไม่ซื้อถือว่ามาไม่ถึง
…. น่าจะจริง เพราะคิวยาว คนซื้อเยอะ เลยส่ง หญิงหญิงเข้าไปต่อแถว
สอยมา 3 ลูกแบ่งๆกันกิน ตอนที่เปิดถุงมา ทุกคนก็ชะงัก
หน้าตามันดูไม่น่าพิศมัยเท่าไร มันๆเยิ้มๆ แต่มันอาจมีดีที่รสชาติด้านในก็ได้
เราเลยแบ่งกันกิน คนละหนุบสองหนุบ งานนี้อิ่มเอมเบ้หน้า คายทิ้งเกือบไม่ทัน
ไม่อร่อยอย่างแรง และเต็มไปด้วยสารพัดผักในส่วนที่เรียกว่า "ไส้ซาลาเปา"
3 ใน 5 ของชาวเรา ส่ายหัวว่าไม่ผ่าน
1 ใน 5 บอกกินได้ แต่ไม่ขอกินต่อล่ะ
1 ใน 5 บอกว่าอร่อยและยังกินต่อเนื่อง แต่ขอกินต่อแค่ของตัวเองล่ะกัน
งานนี้ซาลาเปาน้อยจึงถูกกระมิดกระเมี้ยนทิ้งไป.....ไว้อาลัยจ๊ะ

เอ้า ลงใต้ดิน ออกเดินทางต่อกัน ไปทุกที่ทั้งโซลทาวเวอร์

ทั้งตลาดนักศึกษาย่านฮงแด
พอเที่ยงคืนย่างเข้าวันเกิดหญิงศรีเราก็ชวนกันไปนั่งหนาวสั่นริมคลองชองเกชอน
จุดเทียนบนเค้ก เป่าเพี้ยงๆ ไปวังเคียงบก ไปทุกที่ที่ชีวิตจะขวนขวายไปได้

เป็นการเดินทางมาเกาหลีที่เรียกว่าสนุกมาๆครั้งหนึ่งทีเดียวนะ ^^

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น