27 กุมภาพันธ์ 2556

ก้าวที่ 2.1 Nami Seom เพลงลูกทุ่งในสายลมหนาว


ออกจาก รร. พี่จีฮู (เชอะ) ก่อนไปนามิซอม เราก็แวะกินข้าวกันก่อน

มื้อแรกวันนี้คือ ทักคาลบี้ หือ ไก่ผัดเผ็ดอ่ะแหละ เราถลาไปนั่งโต๊ะ ไม่แคร์สื่อ

ทำตัวเป็นเจ้าภาพที่ดีเพราะเคยมามากกว่าคนอื่นเค้า 1 ครั้ง แหะแหะ

กำลังจะทรุดตัวลงนั่งข้างหญิงหญิง ก็ถูกศรัณยูคว้าหมับเข้าที่แขน ดันให้ไปนั่งอีกฝั่ง

งง หันไปมอง เจอสายตาพิฆาตเข้าให้ จนต้องถอนหายใจหนักๆอย่างจริงจัง

“พี่จาไปนั่งกะหญิงนะ พี่อิ่มมานั่งกับไอซ์”

พูดเสร็จก็ดันให้เรามานั่งด้านใน แล้วตัวเองลงนั่งข้างๆ

.... แต่ศรัณยูก็ไม่ได้กินอะไร ด้วยความพะอืดพะอมเพราะเป็นไข้มาตั้งแต่ออกจากสุวรรณภูมิ

จึงได้แต่กินซุปไปเรื่อยๆ นั่งหนาวสั่นอยู่ข้างๆ

โดยมีพี่สาวแสนดีอย่างเราตักไก่เข้าปาก หาได้ไยดีไม่

หม่ำกันเสร็จ  สราญใจเราก็ไปเกาะกันเสียที

ขณะที่ขึ้นเรือข้ามฟากเราก็เห็นน้องชายอยู่ในสภาพพร้อมน็อค

เพราะเลื่อนไม่ได้จึงทำแค่ฉีดยาและมาตามนัด

.......เพื่อเอาร่างกายมาเผชิญความหนาวเย็นที่เกาหลีอีก เยี่ยมไปเลย

งจะหายไข้หรอกนะ





นามิซอมปี 2009 ไม่ได้แตกต่างจากปี 2006 สักเท่าไรนัก

พูดให้ชัดๆก็เหมือนเดิมอ่ะแหละ

แต่ในเมื่อมันอยู่ในโปรแกรมทัวร์ก็ต้องมา

- - อิ่มเอม จานี วีวี่ เอิงเอย และหญิงหญิง หาได้สนใจศรัณยูเท่าที่ควร

เราชินกับการอยู่ด้วยกันแต่ไม่ต้องวุ่นวายกัน

ห้าสาวจึงวิ่งถ่ายรูปทั่วเกาะและปล่อยศรัณยูไปตามทาง หึหึหึ

ถ่ายรูปจนหนำใจ เราก็กลับมาดูแลศรัณยูหน่อยนึงเป็นพิธี

แล้ววิ่งหายไปร่าเริงกับ Dynamic Kin ที่หาได้บนเกาะนี้

จุงงงงงง อย่างน้อยก็ได้เจอเธอบนขวดน้ำ กร๊ากก

หยิบมือถือออกมาเตรียมถ่ายรูปกับขวดจุงให้....กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

ยาวๆหนึ่งที

หายไป มือถือหายไป หายไปไหน คิดๆๆๆๆๆ ตกใจกันทั้งทริป

ก่อนนึกออกอยู่ในห้องน้ำร้านที่แวะกินกลางวันก่อนมา หายไหม ยังอยู่ไหม ฮือๆๆๆๆ

ปั่นป่วนกันไปทั้งคณะ แต่โตโต้ไกด์เราใจดี รีบโทรไปถามที่ร้านให้

ทางร้านถามกลับมาคำเดียว ชวนให้หน้าแดงมากว่า

“อันที่มีรูปคิมฮยอนจุงเยอะๆห้อยอยู่ใช่ไหม”

เป๊ะค่ะ ก้มหน้ารับคำ พอออกจากเกาะเลยต้องวนไปรับของคืนก่อน

ไปถึงร้าน กระมิดกระเมี้ยนรับมาด้วยความเขินอายเป็นที่สุด

- - หลังจากนั้น ออกจากเกาะได้เราก็นั่งรถเข้าโซลกันเสียที

รถติดน่าดูเพราะเป็นเวลาเลิกงานพอดี

พอเข้าได้ อิเต้ย ตุ๊ดมหาประลัยก็พาเราไปกินอาหารจีน ขึ้นไปถึงร้านปุ๊บ มันมหาประลัยจริงๆ

มีโต๊ะแค่สองตัว ตัวละ 8 ที่ ดูยังไงก็ไม่พอนั่งทั้งคณะทัวร์นะ

มันจัดร้านอาหารยังไง แต่มันไม่สน มันกินๆๆๆๆๆๆ อิหัวหน้าทัวร์ห่วยแตก

เราผู้ซึ่งขึ้นมาทีหลังกับเพื่อนจา ยืนคว้าง ไม่รู้ควรจะนั่งตรงไหน มันเต็มไปหมดแล้ว

สาวๆญี่ปุ่นรีบเขยิบเบียดเข้าหากันแล้วเรียก “อิ่มซังๆ โคะโคะ” (มีน้ำใจมาก ขอบคุณค่ะ)

ควันออกหู หนอยยยย มาไม้นี้ใช่ไหม เสียใจด้วย เพราะไอซ์พูดขึ้นว่า

“คุณเต้ยขยับหน่อยดีไหม พี่อิ่ม พี่จามานั่งด้วยกันโต๊ะนี้แหละ”

โตโต้รีบหาเก้าอี้เสริมมาให้ แต่อิเต้ยชักสีหน้าที่มื้อที่สองของวันก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ

อิอิ สมน้ำหน้า เราทรุดตัวลงนั่งลอยหน้าลอยตา แล้วตักอาหารกินทันที

ชวนไอซ์คุยเป็นระยะแต่ก็เห็นว่าน้องชายเราหน้าซีดลงเรื่อยๆ ข้าวก็ไม่กิน

เฮ้ยยย ทั้งวันไม่กินเลยนะ กำลังเป็นห่วงน้องว่าไหวไหม

ทีวีที่ร้านเปิดไว้ก็มีโฆษณารายการ ได้ยินเสียงเพลง almost paradise ดังขึ้น

อิ่มเอมก็ถลาไปเกาะหน้าทีวี อู๊ยยย จุง ผมสั้น Love like this กำลังหัวเราะในทีวีอยู่

น่ารักเป็นบ้า ฉายเมื่อไรก็ไม่รู้ หันมาอีกที ทั้งร้านดูจะเงียบไปแบบงงกับปฏิกิริยาของเรา

แหะแหะ คนมันดีใจอ่ะ ลืมตัว อ่ะ เมื่อกี้ถึงไหนนะ

ไอซ์เป็นไง ไหวไหม น้องชายส่ายหน้าไม่ไหวแล้ว ขอกลับไปนอนโรงแรมก่อน ไข้ขึ้นมาก

เต้ยและคุณหญิงจึงรีบพาไอซ์ไปโรงแรมก่อน

โดยที่เหลือไปโซลทาวเวอร์และช้อปปิ้งต่อที่ทงแดมุน ^^



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น